บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

Benji งี่เง่า

หมดเรื่องกับคุณกัลยาณธรรมไปแล้ว  คุณ Benji2007 [IP: 203.107.236.92] เข้ามาถามบ้าง เมื่อ 07 พฤษภาคม 2554 12:11 ดังนี้

เรียน..สอบถามท่านด.ร.

นิพพานของวิชชาธรรมกาย เป็นอัตตา หรืออนัตตาค่ะ ?

แต่เท่าที่อ่านจากบทความของท่านคาดว่า น่าจะเป็นอัตตานะคะ เพราะสามารถจับต้องได้

โดยท่านบอกว่า ถ้ามีอะไรใหม่ๆ บนนิพพาน กลุ่มของพวกท่านจะต้องรู้แน่ๆ และรู้อยู่กลุ่มเดียวด้วยเพราะ เราขึ้นนิพพานกันเป็นประจำ ต้องรับงานมาจากหลวงพ่อวัดปากน้ำ กับ พระพุทธเจ้าเป็นประจำ

ที่ว่าขึ้นนิพพานกันเป็นประจำนั้น รวมถึงลูกศิษย์ที่เราสอนด้วย เพราะ การสอนวิชชา 18 กาย ต้องขึ้นนิพพาน แสดงว่า นิพพานของธรรมกายนั้นมีอยู่จริง แต่สงสัยคงเป็นแบบโลกิยธรรม ไม่ใช่โลกุตรธรรม

รบกวนให้ท่าน ด.ร. ช่วยไปอ่านในวักกลิสูตรว่า " ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเราตถาคต "

เรื่องอัตตา ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิติ ในวักกลิสูตรที่ว่าไว้ดั่งพระพุทธองค์ดำรัส พระวักกลิ เป็นผู้ที่หลงใหลในรูปลักษณ์ความงดงามของพระองค์มากจนกระทั่งพระพุทธองค์ต้องขับออกจากสำนักไป เนื่องจากไม่ฝักใฝ่ในธรรมะอย่างแท้จริง

ด้วยความโทมนัสจึงจะไปกระโดดหน้าผาตาย พระพุทธองค์ตามไปพบเทศนาสั่งสอนเรื่อง "ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเราตถาคต" เพื่อให้พระวักกลิถ่ายถอน ความยึดมั่นถือมั่น ในตัวพระองค์หันมาน้อมนำในพระธรรมคำสั่งสอนแทน จนสามารถบรรลุธรรมได้ในบัดนั้น

การเห็นอย่างธรรม คือเห็นให้ลึกและกว้าง เห็นแบบธรรมชาติ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา การเข้าใจหลักแห่ง ปัจจยตา เมื่อมีสิ่งนั้นย่อมมีสิ่งนี้ การเห็นเช่นนี้ สัมผัสได้ทุกอณูของร่างกาย ไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะแบบไหน อริยาบถ 4 ยืน เดิน นั่ง นอน

มีสติและปัญญาระลึกได้อยู่ตลอด ต้องปฎิบัติเองคือ..ใครกินใครอิ่ม....การเข้าใจธรรมมี 2 นัยยะ

1. เห็นแบบกะพี้....เปลือกนอก..ประเภทพิธีกรรม+อภินิหาร+ลาภสักการะ ไม่มีทางเข้าใจได้.......

บัวเกิดมาแต่ตม แต่พอโผล่พ้นน้ำก็ไม่มี ขี้ตม..ติดมาให้เห็น..แปลกแต่จริงนะคะ..การพิจารณาคน..กับบัว 4 เหล่าจึงชาญฉลาดมาก

2. เห็นแบบแก่น เข้าถึงอย่างจริงจัง รู้และเข้าใจหลักของธรรมชาติดีว่า มีความผันแปรไป ไม่มีอะไรเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวคะ สัมผัสได้แห่งองค์ความรู้ของตนเอง..กาย วาจา ใจ ไม่ใช่ในเชิงนิยามตามหลักวิทยาศาสตร์...

ดังนั้นดิฉันจึงสรุปได้ว่า นิพพานและพระอรหันต์ของวิชชาธรรมกายคงเป็นแบบอัตตาและโลกียธรรม..คงต้องพัฒนาต่อไปให้เป็นแบบอนัตตาและโลกุตรธรรมนะคะ

ผมได้ตอบคุณคุณ Benji2007 เมื่อ 07 พฤษภาคม 2554 13:06 ไปอย่างค่อนข้างสุภาพๆ เพราะเห็นว่าเป็นสุภาพสตรีว่า

เรียน คุณ Benji2007 [IP: 203.107.236.92]

ศึกษาและอ่านบันทึกของผมให้ครบก่อน แล้วค่อยมาให้ความเห็นไม่ดีกว่าหรือ..จะแสดงความโง่ให้ประชาชนรู้ เสื่อมเสียญาติพี่น้องวงศ์ตระกูลนะคุณ

สายปฏิบัติของคุณ คำว่า "เห็น" คำเดียว คุณก็ไปไม่เป็นแล้ว อธิบายมั่วไปมั่วมา พอๆ สามล้อเมายาบ้าเลยทีเดียว

พระพม่าบอกว่า "ต้องเห็นกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม" อธิบายให้ครบได้หรือเปล่า.

อ่านให้มากกว่านี้ ... นะจ๊ะ...นะจ๊ะ...(เลียนแบบไชยบูลย์)..

ที่นี่ ตัวจริง เสียงจริง ของจริง และไม่หนีไปไหนด้วย

คุณอยู่สายอื่น มีความคิดแคบๆ อยู่ในกะลาตัวเมีย คุณจะมาสรุปคำสอนของสายวิชาธรรมกายได้อย่างไร

โปรดฟังคำเตือนครั้งที่ 1

อ่านให้มากก่อน ใช้วิชาความรู้ที่เคยเรียนมาทั้งหมด ดัวยหลักของเหตุและผล แล้วจึงเข้ามาถามใหม่

หลังจากตอบคำถามไป 3 วัน คุณ Benji2007 [IP: 203.107.236.92] ซึ่งเป็นสตรีไทยที่เก่งกล้าสามารถ มือซ้ายไกวเปล มือขวาถือดาบ เข้ามาแบบไม่กลัวตายว่า (10 พฤษภาคม 2554 17:41) ว่า

ถึง....คุณดอกเตอร์

ที่คุณถามว่า "ต้องเห็นกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม" ดิฉันอธิบายยังงัยคุณก็คงไม่รู้เรื่องและเข้าใจหรอก

ค่ะเพราะว่ามันเป็นปัจจัตตัง นะคะ รบกวนคุณคงต้องไปฝึกปฏิบัติเอาเองนะคะ...จึงจะทราบคะ ...และศาสนาพุทธซึ่งเป็นศาสนาสากล ไม่เคยแบ่งแยกว่าต้องเป็นคนชาติใด วรรณะใด

ทุกคนไม่ว่าคนไทย คนพม่า หรือชาติใดๆ ก็สามารถนับถือศาสนาพุทธได้ โดยยึดถือปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าค่ะ

แต่หลักการปฏิบัติเพื่อให้หลุดพ้นจากความทุกข์จนเข้าถึงพระนิพพานแบบโลกุตรธรรม อาจจะมีวิธีการแตกต่างกันก็ได้คะ ไม่ควรจะไปโจมตีว่าของใครดีกว่าใคร พระพุทธเจ้าท่านไม่สรรเสริญ

พวกอุตริมนุษยธรรมหรอกค่ะ

ดังนั้น คนจะเลวเพราะชาติตระกูลก็หาไม่ คนจะดีเพราะชาติตระกูลก็หาไม่ แต่คนจะเลวก็เพราะการกระทำ คนจะดีก็เพราะการกระทำค่ะ

ผมมันพวกเบื่อหน่ายคนโง่ ก็เลยตอบไปดังนี้ (10 พฤษภาคม 2554 20:01)

คุณ Benji2007 [IP: 203.107.236.92]

บอกตรงๆ ผมเหนื่อยหน่ายกับความโง่ของคุณซะแล้ว ต่อไปถ้าเขียนมา ต้องลบทิ้ง

บันทึกนี้ ผมวิพากษ์วิจารณ์สาวกของพระพม่า พวกนี้เข้าใจผิดไปว่า เดินไปเดินมา พิจารณาอิริยาบถใหญ่ อิริยาบถย่อยก็สามารถบรรลุพระอรหันต์ได้แล้ว

พวกนี้ชอบชูเฉพาะสติปัฏฐาน 4 อธิบายแบบหน้าเลิศหน้าลอยว่า "ต้องเห็นกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม" แต่ไม่มีหนังสือฉบับของสาวกพระพม่าอธิบายได้อย่างถูกหลักวิชาการ แม้แต่เพียงเล่มเดียว

คุณเข้ามาเป็นฝ่ายตรงข้ามของผม ผมก็ให้คุณอธิบายซิว่า การเห็นกาย เวทนา จิต ธรรมนั้นเป็นอย่างไร

ผมเข้าใจเรื่องนี้ดี เพราะ วิชาธรรมกายอธิบายไว้อย่างถูกต้องตรงตามพระไตรปิฎก วิชาธรรมกายสอนว่า กายของมนุษย์แต่ละคน หลักๆ มี 18 กาย มีกายละเอียดๆๆๆๆๆๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน

ดังนั้น สายวิชาธรรมกายจึงสามารถอธิบายสติปัฏฐาน 4 ได้อย่างถูกต้อง คุณไม่รู้อะไรเลย แล้วมาเขียนให้ "รก" บันทึกของผมทำไม

แล้วที่บอกว่าเป็น "ปัจจัตตัง" นี่ก็โง่อีก โง่เหมือนพวกพุทธวิชาการที่คิดว่า "ปัจจัตตัง" สอนกันไม่ได้  ความรู้ที่เป็นปัจจัตตังนั้น สามารถสอนหรือสื่อความกันได้ว่า เป็นอย่างไร

ตัวอย่างที่ 1

เคยมีสามีไหมคุณ ไม่ใช่ทะลึ่งลามก เรื่องนี้ สมเด็จโต เป็นผู้เล่า (ตอนนี้สมเด็จโตอยู่ชั้นดุสิต)

สมเด็จโตเล่าว่า มีครอบครัวหนึ่ง มีลูกสาว 2 คน คนโตแต่งงานไปก่อน เมื่อกลับมาเยี่ยมบ้าน น้องสาวก็ถามแล้ว ถามอีกว่า "แต่งงาน" มันเป็นยังไง

พี่สาวก็ยิ้มไปยิ้มมา ไม่บอกว่า ... มันเป็นยังไง บอกแต่เพียงว่า แต่งงานแล้วก็รู้เอง

ต่อมาน้องสาวแต่งงานบ้าง เมื่อกลับมาเยี่ยมบ้าน พี่สาวก็ถามบ้างว่า "รู้หรือยังว่า แต่งงานมันเป็นยังไง" พี่น้องสองสาวก็หัวเราะคิกๆ คักๆ กันไป..

ที่ยกตัวอย่างมานี้ เพื่อแสดงให้เห็นว่า ความสุขจากการมีเพศสัมพันธ์นี้ เป็นปัจจัตตังเหมือนกัน แต่สามารถเล่าสู่กันฟังได้

ไม่อย่างนั้น หนังสือโป๊ มันจะขายได้หรือ..

ตัวอย่างที่ 2

เรื่องนี้ก็ฟังเขามาอีกที ลูกสาวถามแม่ว่า "แม่ แต่งงานมันเป็นยังไง" แม่ก็บอกว่า "ลองเอาไม้ปั่นหูดูซิ"

ลูกสาวทำแล้ว ก็มาบอกแม่ว่า "แม่ หนูขอมีผัว 2 คนเลยนะ"

ตัวอย่างนี้ก็อยากจะบอกว่า เรื่องปัจจัตตังบางเรื่อง เราสามารถเลียนรู้โดยการเทียบเคียงกันได้

ตัวอย่างที่ 3 ของจริง

ความรู้ที่พระพุทธเจ้าสอน ส่วนใหญ่ก็เป็น "ปัตจัตตัง" ทั้งนั้น พระพุทธเจ้ารู้จากการบำเพ็ญบารมีของพระองค์

ถ้า "ปัตจัตตัง" สอนกันไม่ได้เลย พระพุทธเจ้าจะเผยแผ่ศาสนาได้อย่างไร จะมีพระอรหันต์สาวกได้อย่างไร

ต่อไป ถ้าเขียนไม่เข้าท่าเข้าทาง ผมลบความเห็นของคุณแน่  รกบันทึก ไร้สาระ

หลังจากตอบปัญหานั้นไปแล้ว คุณ Benji2007 เงียบกริบ หายไปอย่างรวดเร็วราวกามนิตหนุ่ม อาจจะมัวไปยุ่งหาสามี เพื่อทำตามนิทาน หรือจะไปแสดงหนังเรื่อง Benji ภาค 3D ก็ไม่รู้...



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น