บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

โง่ก็น่าจะอยู่ส่วนโง่


ต่อจากคุณอนัตตา คุณหาธรรม [IP: 222.123.113.46] ได้เข้ามาหาเรื่องเมื่อ 05 กันยายน 2553 17:46 ดังนี้

คุณ มนัส

ลองไปศึกษาใหม่ให้ดีซิครับ เขียนดูดีเหมือนถูกต้อง เกือบแล้ว แต่ยังขาดการเชื่อมโยง กับการลงมือปฏิบัติ

ถ้าคนที่ลงมือปฏิบัติจริง จะไม่เป็นแบบนี้

นี่ถ้าคนอื่นเห็นว่า สติปักฐาน ๔ ไม่ใช่วิธีที่ควรจะปฏิบัติ เพราะอย่าข้อความของคุณ เท่ากับว่าคุณเป็นคนเผยแผ่ความคิดมิจฉาทิฐิ คุณจะรับบาปกรรมไม่ไหวนะครับ

ผมจะสรุปให้ฟังว่าคุณยังเข้าไจไม่ถูกตรงไหน

สติปักฐาณ ๔ เริ่มที่ กายานุปัสนา เวทนานุปัสนา จิตตานุปัสนา และ ธรรมานุปัสนา

ในขั้นธรรมานุปัสสนา มีการพิจารณาใน นิวรณ์ ๔ อุปาทานขันธ์ ๕ อยตานะ ๑๒ โภชฌงค์ ๗ และ อริยสัจ ๔

ส่วนในวิปัสนาภูมิจะประกอบด้วย ขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘ อินทรีย์ ๒๒ อริยสัจ ๔ และปฏิจสมุปบาท ๑๒

พิจารณาให้ดี กาย (รูป) เวทนา จิต ธรรม มันก็คือ ขันธ์ ๕ นั่นเอง นั่นแสดงว่า สติปักฐาณ ๔ ก็คือธรรมในขันธ์ ๕

สติปักฐาน ๔ ก็คือ สัมมาสติในมรรคมีองค์ ๘

ขันธ์ ๕ มีใน วิปัสนาภูมิด้วย มีอยู่ในครึ่งแรกของปฏิจสมุปบทา ๑๒ ด้วย อยตนะ ๑๒ ในธรรมานุปัสนา ก็คือ อายตนะ ๑๒ และธาตุ ๑๘ ในวิปัสนาภูมิ อริยสัจ ๔ มีในทั้งสอง

ผมสรุปก็คือ ธรรมานุปัสสนา ก็คือ วิปัสสนาภูมิ มันคืออย่างเดียวกัน

วิปัสสนาภูมิ ๖ ก็เพื่อให้เกิดปัญญารู้แจ้ง ดังนั้น ธรรมานุปัสสนาในสติปักฐาน ๔ ก็ต้องทำให้เกิดปัญญารู้แจ้งเช่นกัน

เวลา ครูบาอาจารย์สอนกรรมฐาน ท่านก็เริ่มจากกายานุปัสนนา เพราะเป็นพื้นฐานที่เข้าใจง่าย ซึ่งมี ๖ อย่าง

ได้แก่ พิจารณาหรือมีสติรู้ที่ลมหายใจเข้าออก สติรู้ที่อิริยาบท ๔ ยืน เดิน นั่ง นอน สัมปชัญญะในทุกอิริยาบท พิจารณากายเป็นเพียงธาต ๔ เป็นสิ่งสกปรก และเป็นซากศพ

ทีนี้แต่ละสำนักท่านก็สอนต่างกันไม่ว่าจะพิจารณาลมหายใจ หรือพิจารณาลมหายใจและตามความรู้สึกยุบพองของท้อง หรือเจริญสติ.... ก็ยังอยู่ในสติปักฐาน ๔

ถ้าสูงขึ้นไปก็ เวทนา จิตตา และ ธรรมานุปัสสนา ซึ่งสติปักฐาน ๔ นี้ ถือเป็นวิธีปฏิบัติที่เป็นทางตรง สู่การวิปัสสนา เพื่อให้บรรลุมรรคผล

ทางอื่นไม่ใช่ไม่สามารถบรรลุมรรคผลได้ ได้เหมือนกัน แต่เสี่ยงต่อการหลงทาง และอ้อมทาง เช่น การเพ่งวัตถุ มันจะไปทางฌานสูง ๆ ขึ้นไป ไม่ใช่ทางปัญญา (โดยตรง)

ไปค้นดูได้ ไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ใดเลยที่ตรัสรู้โดยไม่ได้พิจารณากาย พระอรหันต์ในปัจจุบันทุกองค์เหมือนกัน ไม่มีองค์ใดเลยทีบรรลุพระอรหันต์โดยไม่ได้ผ่านการพิจารณากาย

ส่วนที่คุณอ้างว่าเพราะวิชา ๓ วิชา ๘ อะไรนั่นนะ มันเป็นผล ไม่ใช่เหตุ มันเป็นผลของการทำกรรมฐานจะไปจากวิธีใดก็ตาม

ในช่วงนั้น ผมตอบคุณหาธรรม ไปดังนี้

เรียนคุณหาธรรม

ผมตอบคุณไปหลายบันทึกแล้ว ในบันทึกนี้ก็ยังยืนยันว่า "โง่ก็อยู่ส่วนโง่เถอะ" อยู่เงียบๆ ไม่พูดออกมา ก็ไม่มีใครรู้ว่าคุณโง่หรอก

ตรงนี้ขอแย้งข้อความเดียว คือ ข้อความนี้

"ส่วนที่คุณอ้างว่าเพราะวิชา ๓ วิชา ๘ อะไรนั่นนะ มันเป็นผล ไม่ใช่เหตุ มันเป็นผลของการทำกรรมฐานจะไปจากวิธีใดก็ตาม"

คุณหาธรรม คุณจะเก่งกว่าพระพุทธเจ้าหรือไง

พระพุทธเจ้าทรงสอนอย่างชัดเจนว่า ท่านบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ เพราะ วิชชา 3 มีปรากฏอย่างชัดเจนในพระไตรปิฎก

คุณจะมาว่าอะไรเหตุ อะไรผลอีก ที่คุณยกมานั่น มีข้อความส่วนไหนของพระไตรปิฎกสนับสนุนอยู่

ผมวิพากษ์วิจารณ์สายพอง-ยุบกับสายนาม-รูปไว้หลายบันทึก โต้แย้งอย่างเป็นวิชาการสักบันทึกหนึ่งได้ไหม

ให้ตายเถอะ...โรบิ้น...

คุณหาธรรมนี่ แกหาเรื่องผมมาหลายบทความแล้ว

แกก็ใช้ชื่อเดิมอยู่เสมอ ผมได้ตอบไปแล้ว จนกระทั่งเบื่อ ความเป็นสมองหมา ปัญญาควายของคุณหาธรรม  ผมจึงตอบไปสั้นๆ

อย่างไรก็ดี  จะเห็นว่า พวกคนไทยใจพม่า ที่เป็นสาวกของพระพม่านั้น จะไม่สนใจ “วิชชาสาม” ไม่รู้เรื่องด้วย 

พวกนี้บ้าและคลั่งไคล้อย่างเดียวคือ “สติปัฏฐาน” 

1) สติปัฏฐานเป็นวิปัสสนา ก็ไม่จริง เพราะ เป็นแค่อนุปัสนา

2) สติปัฏฐานถ้าใครปฏิบัติแล้วจะบรรลุมรรคผล ภายใน 7 ปี 7 เดือน 7 วัน  พวกแดกด่วนชาวไทย ก็ชอบใจปฏิบัติกันใหญ่ 

ปฏิบัติจนตายกันไป 3 รุ่นคนแล้ว ยังเห็นมีใครบรรลุ หรือใกล้ความเป็นพระอรหันต์แม้แต่คนเดียว 



1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ17 กันยายน 2555 เวลา 01:10

    http://www.dantip.com/?cid=1572964
    อันนี้มันถูกต้องตามหลักพุทธศาสนา เข้าข่ายแอบอ้างคุณวิเศษรึเปล่าครับ เขาว่าเขาสื่อสารกับสิ่งศักสิทธืได้ ลง youtube เพียบเลย เดียวผมหามาให้ดูครับ เป็นของจริง หรือของปลอมครับ รบกวนวิเคราะห์หน่อยครับ
    ขอบคุณครับ

    ตอบลบ