บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

พระเมืองไทยไม่มีในอายตนะนิพพาน

หลังจากผมตอบคำถามคุณกัลยาณธรรมไปแล้ว  ท่านก็ยังสงสัยอีก เข้ามาถามอีกว่า

กัลยาณธรรม [IP: 124.157.238.94] 09 พฤศจิกายน 2553 18:30

ครับ พอจะนึกออกบ้าง คุณบอกว่า "ยังไม่มีพระในไทยบรรลุ" อยากถามว่า ไม่มีสักคนเลยจริงๆ หรือครับ แม้แต่ (ขออภัยที่เอ่ยนาม) หลวงปู่มั่น หลวงปู่แหวน หลวงปู่เณรคำ เป็นต้น

แสดงว่าผมเข้าใจผิดหมด ???

ผมได้ตอบคำถามไปเมื่อ 09 พฤศจิกายน 2553 22:03 ดังนี้

เรียน คุณกัลยาณธรรม

พระภิกษุทั้ง  3  รูปนั้น ยืนยันว่า ยังไม่บรรลุพระอรหันต์ เพราะ ไม่พบบนนิพพาน หลวงปู่มั่น หลวงปู่แหวน ผมรู้ว่าอยู่ที่ไหน แต่เห็นว่า ไม่สมควรบอกในบล็อกแบบนี้

เป็นความจริงที่ไม่ควรเผยแพร่ในที่สาธารณะ เพราะ จะก่อให้เกิดปัญหาตามมา

สำหรับหลวงปู่เณรคำนี่ ผมไม่รู้จักเลย คือ ได้ยินชื่อผ่านๆ ครั้ง  2  ครั้ง

เหตุการณ์ในประเทศไทยของเรานี้ หลวงพ่อวัดปากน้ำ กับ พระพุทธเจ้าสอดส่องดูแลอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ถ้ามีอะไรใหม่ๆ บนนิพพาน กลุ่มของพวกผมจะต้องรู้แน่ๆ และรู้อยู่กลุ่มเดียวด้วย

เพราะ เราขึ้นนิพพานกันเป็นประจำ ต้องรับงานมาจากหลวงพ่อวัดปากน้ำ กับ พระพุทธเจ้าเป็นประจำ

ที่ว่าขึ้นนิพพานกันเป็นประจำนั้น รวมถึงลูกศิษย์ที่เราสอนด้วย เพราะ การสอนวิชชา  18  กาย ต้องขึ้นนิพพาน  เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรการสอน

แต่ไม่ได้หมายความว่า ที่ขึ้นนิพพานกันนั้น บรรลุพระอรหันต์แล้วนะ เป็นเพียงการหมดกิเลสชั่วคราวที่เกิดจากการฝึกวิชาธรรมกาย

พอเลิกฝึกวิชา เราก็เป็นคนมีกิเลสเหมือนเดิม  สนใจอยากรู้จริงๆ ก็ลองเข้ามาสังเกตการณ์ในการทำงานของกลุ่มพวกผมดูก็ได้

ไม่คิดเงิน........

คุณกัลยณธรรม ยังไม่เลิกสงสัย เข้ามาถามอีก เมื่อ 12 พฤศจิกายน 2553 20:53 ว่า

แล้วอย่างในสมัยพุทธกาลมีพระที่ฟังพระพุทธเจ้าเทศแล้วบรรลุอรหันต์เลยนี่แสดงว่า บารมีเกือบเต็มแล้วใช่หรือไม่ แต่ผมก็ยังงงอยู่ดีว่าพระระดับนั้นหลงผิดได้อย่างไร

อย่างหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ก็ไม่น่าหลงนะผมว่า บารมีมากซะขนาดนั้น น่าจะไปนิพพานจริงๆ

คราวนี้ ผมตอบไปว่า (12 พฤศจิกายน 2553 22:54)

เรียน คุณกัลยาณธรรม

พระอรหันต์ที่เกิดทันพระพุทธเจ้า ไม่ใช่บารมีเกือบเต็มแล้ว แต่บารมีต้อง "เต็ม" แล้ว แต่ในการอธิษฐานบารมีของท่านเหล่านั้น ท่านอธิษฐานบารมีเพื่อต้องการเป็นพระอรหันต์สาวก

ดังนั้น เมื่อบารมีเต็ม  30  ทัศแล้ว จึงต้องรอจนกว่ามีพระพุทธเจ้ามาโปรดสัตว์ในโลก จึงลงมาเกิด

ถ้าถามว่า บุคคลเหล่านี้ รู้ได้อย่างไรว่า ช่วงเวลาใด มีพระพุทธเจ้าในโลกแล้ว

ขออธิบายประสบการณ์ตรงนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบคำถาม

กลุ่มของเราเป็นกลุ่มของมูลนิธิศึกษาการุณย์ เป็นลูกศิษย์ของคุณลุงการุณย์ บุญมานุช เราหน้าที่เผยแพร่วิชาธรรมกาย โดยการสอนวิชาธรรมกายให้เด็กนักเรียน นักศึกษา ประชาชน

ในการสอนแบบ นี้ กลุ่มของเราก็ต้องมีอิทธิปาฏิหาริย์กันบ้าง ตามแต่กำลังบารมี เช่น เราสามารถติดต่อพูดคุยกับโอปาติกะได้ เทวดา พรหม อรูปพรหม ผีสางนางไม้ เราพูดคุยติดต่อได้

เราจะพูดคุยติดต่อก็เมื่อจำเป็น ไม่ใช่จะคบหามาเป็นเพื่อนสนิทกันอย่างนั้น

เมื่อ ประมาณ  7-8  เดือนมานี้ มีผู้หญิงคนหนึ่งถูกพญานาคตนหนึ่งเข้าสิง อาการที่เกิดขึ้นก็คือ อยู่ในวัดดีๆ ท่านก็ลงไปเลื้อยบนบกอย่างงู อยู่ดีๆ ท่านก็โดดไปว่ายน้ำในสระน้ำของวัดเป็นวันๆ

ผู้หญิงคนนี้ มีสามีและลูกแล้ว รูปร่างก็สวยงามพอสมควร

เมื่อเกิดอาการอย่างนี้ ท่านก็เป็นทุกข์ ทำมาหากินไม่ได้ พออาการเกิดขึ้น ท่านบอกว่า บังคับตัวเองไม่ได้เลย ต้องทำอย่างนั้น มันก็เกิดความอายขึ้น  ก็มีคนพาผู้หญิงคนนี้มาหาพวกเรา เพื่อให้พวกเรารักษา

กลุ่มของเราตรวจสอบแล้ว ก็พบว่า ถูกพญานาคเข้าสิง ไม่รู้ว่าชาติไหนไปสัญญิงสัญญากันไว้อย่างไร ก็ไม่รู้ พญานาคท่านนี้ เป็นพญานาคเพศชาย

ในขณะที่พวกเราคุยกัน เพื่อหาทางแก้ปัญหา พญานาคตนนี้ ก็โผล่มาหาถึงบ้านเลย

อย่าไปวาดภาพว่า มีพญานาคหรืองูใหญ่เลื้อยผ่านประตูบ้านเข้ามา พญานาคเป็นสัตว์กายละเอียด ท่านก็มาอย่างกายละเอียด ต้อง "เข้า" วิชาจึงจะเห็นท่าน

พญานาคนี้ ถ้าท่านอารมณ์ดี ท่านก็มาแบบกายมนุษย์ ถ้าอารมณ์บ่จอยเหมือนครั้งนี้ ท่านก็มาเป็นแบบพญานาค ใหญ่โตมาเลย

น่ากลัวมาก ถ้าดูในสายตาคนอื่น แต่เราเป็นวิทยากรของลุง บารมีมากกว่าพญานาคไม่รู้เท่าไหร่ เราเลยเฉยๆ ไม่ตกใจอะไร

อีก ประการหนึ่ง ที่บ้านของวิทยากรท่านนี้ มีพญานาคจากวัดปากน้ำ และพญานาคจากวัดหลวงพ่อพ่อสดธรรมกายารามมา "เดิน" วิชชาอยู่เป็นประจำ ประมาณ  7  ตน

พญานาคตนนี้มาถึงบ้านของวิทยากร ก็เห็นพญานาคฝ่ายเรา เลื้อยพันบ้านอยู่แล้ว

อันที่จริงแล้ว พญานาคที่เข้ามาสิงผู้หญิงนั้น ทำอะไรเราไม่ได้อยู่แล้ว เพราะ บ้านวิทยากรของเรามีจักรพรรดิอยู่มาก โดยเฉพาะจักรแก้ว แต่พญานาคฝ่ายเราเขาก็ต้องทำหน้าที่ของท่าน

แล้วกลุ่มของเราก็ปราบพญานาคตนนี้ลงไปได้ แต่ไม่ขอเล่าในรายละเอียด อยากรู้ให้มาถามเป็นการส่วนตัว

ตอนนี้ ผู้หญิงคนที่ว่านั้น ก็ยังอยู่กับกลุ่มของเรา พบกันเป็นประจำ

ที่เล่ามาตรงนี้ เพื่อจะสรุปให้ฟังว่า พวกโอปาติกะทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายพระ ฝ่ายมาร เขามีวิธีการสื่อสารของเขา ถึงกันหมด

พญานาคตนนี้ เขาอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรี วิทยากรคุยกันที่บ้านของวิทยากรคนหนึ่งในกรุงเทพ

ดังนั้น เทวดาบนสวรรค์ เมื่อมีพระพุทธเจ้าลงมาเกิด ท่าน "รู้" เป็นอย่างดี

ขอเล่าแถมอีกสักเรื่องก็ได้

วิทยากร ของเราคนหนึ่ง [เจ้าของบ้านที่พญานาคไปเยือนนั่นแหละ] ท่านเป็นผู้จัดการบริษัทแห่งหนึ่งในเครือปูนซิเมนต์ไทย

มีเพื่อนของท่าน [สมมุติว่าชื่อสมัครก็แล้วกัน] มาปรึกษาว่า คุณดุสิตเพื่อนของคุณสมัคร มาปรึกษาว่า หลายวันมาแล้ว ท่านฝันว่า มีรักยมคนหนึ่งมาเข้าฝันว่า ขอมาอยู่ด้วย

ในฝันนั้น คุณดุสิตท่านก็เป็นคนขี้เล่นเหมือนกัน ท่านก็บอกว่า ถ้าอยากมาอยู่ด้วย ให้บอกหวยก่อน

รักยมก็บอก คุณดุสิตไปซื้อก็ถูกซะด้วย แล้วรักยมก็มาเข้าฝันบ่อย ขอพาพี่มาอยู่ด้วย พออนุญาตแล้ว ก็ขอพาพ่อแม่มาอยู่ด้วย

สุดท้ายเลย ครอบครัวผีที่ว่านี้ ที่ติดต่อกันในฝันนั้น ขอให้คุณดุสิตสร้างรูปเคารพให้อยู่ เช่น รูปตุ๊กตาเด็ก ฯลฯ ทำนองนั้น

ตอนนี้ คุณดุสิตชักกลัวแล้ว มาปรึกษาคุณสมัคร คุณสมัครก็มาปรึกษาวิทยากรของเรา

เรา ก็ตั้งวอร์รูม ปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรดี กำลังคุยอยู่นั้น ผีตัวแม่โผล่เข้ามาในบ้าน ตบกะบาลวิทยากรคนหนึ่ง [ตอนโดนตบกะบาลยังไม่เป็นวิทยากร แต่เก่งวิชาธรรมกายแล้ว]

วิทยากรท่านนั้น มึนไปพักหนึ่ง

โดยสรุป เราก็ปราบผีตัวแม่ที่โผล่มาไม่ให้สุ่ม ไม่ให้เสียงได้ และสรุปได้ว่า ครอบครัวผีชุดนี้เขาอยู่สระบุรี แต่วิทยากรประชุมกันในกรุงเทพ บ้านหลังที่ปราบพญานาคนั้นแหละ

โอปาติกะเหล่านี้ เขามีระบบสื่อสารที่ทันสมัยมาก เราคุยอะไร พวกเขารู้หมด

ที่เล่าให้ฟังทั้งหมดนั้น เป็นประสบการณ์ตรง เป็นข้อเท็จจริง (fact) แต่กลุ่มของเรานั้น ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องเหล่านี้นะครับ เพิ่งรู้เพิ่งเรียนเหมือนกัน

ไม่ใช่พอรู้เรื่องนี้แล้ว จะให้เราไปปราบผี ปราบอะไร ไม่รับนะครับ ที่รับที่ผ่านมานัั้น เพราะ คนที่พามาเป็นเพื่อนสนิทกัน มันจำเป็นต้องรับ

กลับมาที่ คุณถามว่า "แต่ผมก็ยังงงอยู่ดีว่าพระระดับนั้นหลงผิดได้อย่างไร อย่างหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ก็ไม่น่าหลงนะผมว่า บารมีมากซะขนาดนั้น"

เรื่องนี้ ผมว่าผู้รู้พอสมควร คือ พระเกจิอาจารย์ทั้งหลาย ท่านไม่ค่อยบอกหรอกว่า ท่านบรรลุพระอรหันต์แล้ว เพราะ ถ้ายังไม่บรรลุจริง อาบัติถึงสังฆาทิเสสเลย

ไอ้พวกลูกศิษย์ กับสื่อทั้งหลายนี่แหละตัวดี

เชียร์กันจัง องค์นั้นก็บรรลุแล้ว องค์นี้ก็บรรลุแล้ว ไอ้ที่เชียร์กันไปนั้น พระท่านไม่รู้เรื่องหรอก เพราะ ท่านก็ไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์ ไม่ได้ฟังวิทยุ

พระอรหันต์นี่ มีเครื่องมือวัดกันง่ายๆ ดังนี้ คือ ไม่ตกใจ [มีหลักฐานในพระไตรปิฎก]

ถ้ายังตกใจอยู่ ก็ยังไม่ใช่

แต่พระภิกษุที่ท่านเอ่ยนามมานั้น บางองค์ใกล้เป็นพระอรหันต์จริงๆ แต่ต้องชาติต่อไป ไม่ใช่ชาตินี้

ที่เรารู้ว่าท่านอยู่ที่ไหน อย่างไร เราไม่ได้เดาหรือเข้าฝันกันนะครับ กลุ่มของพวกเรา เดินวิชาไปสัมภาษณ์ พูดคุยกับท่านเหล่านั้นเองเลย

คุณกัลยาณธรรมอยากจะคุยกับเกจิอาจารย์ที่ตายไปแล้วหรือปล่าวล่ะ มาเรียนวิชชากับพวกเรา ถ้าบารมีดีๆ เรียนพักเดียวก็สามารถไปหาท่านเหล่านั้นได้แล้ว


คุณกัลยาณธรรมยังซักถามไปมาอีก  2-3  ประเด็น ซึ่งไม่ใช่เรื่องสำคัญ ก็ขอจบภาระที่เกี่ยวกับคุณกัลยาณธรรมแค่นี้ 



6 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ17 กันยายน 2555 เวลา 01:10

    http://www.dantip.com/?cid=1572964
    อันนี้มันถูกต้องตามหลักพุทธศาสนา เข้าข่ายแอบอ้างคุณวิเศษรึเปล่าครับ เขาว่าเขาสื่อสารกับสิ่งศักสิทธืได้ ลง youtube เพียบเลย เดียวผมหามาให้ดูครับ เป็นของจริง หรือของปลอมครับ รบกวนวิเคราะห์หน่อยครับ
    ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  2. แบบนี้เท่ากับว่าสายวัดป่าไม่มีเข้านิพพานเลยหรือ แล้วท่านเหล่านั้นไปอยู่ไหนกันครับ

    ตอบลบ
  3. ส่วนใหญ่สวรรค์ชั้นที่ 1 มีบ้างเหมือนกันที่ไปอบายภูมิ

    แต่อย่าถามว่า พระรูปไหนไปไหน

    ถ้าอยากรู้ไปถามทางอีเมล์ของผม

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ16 มีนาคม 2557 เวลา 00:14

    ไปกันใหญ่แล้วนะคุณเนี่ย ต้องการทำลายพระศาสนาหรือว่าเพี้ยนเอง

    ตอบลบ
  5. ไปเป็นควาย..ที่อื่นเถอะ..

    เดี๋ยวเจอแช่ง

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ13 สิงหาคม 2557 เวลา 21:54

    ปัญญาอ่อน ไร้สาระ

    ตอบลบ