ต่อจากคุณอนัตตา
คุณหาธรรม [IP:
222.123.113.46] ได้เข้ามาหาเรื่องเมื่อ 05 กันยายน 2553 17:46 ดังนี้
คุณ มนัส
ลองไปศึกษาใหม่ให้ดีซิครับ เขียนดูดีเหมือนถูกต้อง เกือบแล้ว แต่ยังขาดการเชื่อมโยง
กับการลงมือปฏิบัติ
ถ้าคนที่ลงมือปฏิบัติจริง จะไม่เป็นแบบนี้
นี่ถ้าคนอื่นเห็นว่า สติปักฐาน ๔ ไม่ใช่วิธีที่ควรจะปฏิบัติ
เพราะอย่าข้อความของคุณ เท่ากับว่าคุณเป็นคนเผยแผ่ความคิดมิจฉาทิฐิ คุณจะรับบาปกรรมไม่ไหวนะครับ
ผมจะสรุปให้ฟังว่าคุณยังเข้าไจไม่ถูกตรงไหน
สติปักฐาณ ๔ เริ่มที่ กายานุปัสนา เวทนานุปัสนา จิตตานุปัสนา และ
ธรรมานุปัสนา
ในขั้นธรรมานุปัสสนา มีการพิจารณาใน นิวรณ์ ๔ อุปาทานขันธ์ ๕
อยตานะ ๑๒ โภชฌงค์ ๗ และ อริยสัจ ๔
ส่วนในวิปัสนาภูมิจะประกอบด้วย ขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘
อินทรีย์ ๒๒ อริยสัจ ๔ และปฏิจสมุปบาท ๑๒
พิจารณาให้ดี กาย (รูป) เวทนา จิต ธรรม มันก็คือ ขันธ์ ๕ นั่นเอง
นั่นแสดงว่า สติปักฐาณ ๔ ก็คือธรรมในขันธ์ ๕
สติปักฐาน ๔ ก็คือ สัมมาสติในมรรคมีองค์ ๘
ขันธ์ ๕ มีใน วิปัสนาภูมิด้วย มีอยู่ในครึ่งแรกของปฏิจสมุปบทา ๑๒
ด้วย อยตนะ ๑๒ ในธรรมานุปัสนา ก็คือ อายตนะ ๑๒ และธาตุ ๑๘ ในวิปัสนาภูมิ อริยสัจ
๔ มีในทั้งสอง
ผมสรุปก็คือ ธรรมานุปัสสนา ก็คือ วิปัสสนาภูมิ
มันคืออย่างเดียวกัน
วิปัสสนาภูมิ ๖ ก็เพื่อให้เกิดปัญญารู้แจ้ง ดังนั้น
ธรรมานุปัสสนาในสติปักฐาน ๔ ก็ต้องทำให้เกิดปัญญารู้แจ้งเช่นกัน
เวลา ครูบาอาจารย์สอนกรรมฐาน ท่านก็เริ่มจากกายานุปัสนนา
เพราะเป็นพื้นฐานที่เข้าใจง่าย ซึ่งมี ๖ อย่าง
ได้แก่ พิจารณาหรือมีสติรู้ที่ลมหายใจเข้าออก สติรู้ที่อิริยาบท
๔ ยืน เดิน นั่ง นอน สัมปชัญญะในทุกอิริยาบท พิจารณากายเป็นเพียงธาต ๔
เป็นสิ่งสกปรก และเป็นซากศพ
ทีนี้แต่ละสำนักท่านก็สอนต่างกันไม่ว่าจะพิจารณาลมหายใจ
หรือพิจารณาลมหายใจและตามความรู้สึกยุบพองของท้อง หรือเจริญสติ....
ก็ยังอยู่ในสติปักฐาน ๔
ถ้าสูงขึ้นไปก็ เวทนา จิตตา และ ธรรมานุปัสสนา ซึ่งสติปักฐาน ๔
นี้ ถือเป็นวิธีปฏิบัติที่เป็นทางตรง สู่การวิปัสสนา เพื่อให้บรรลุมรรคผล
ทางอื่นไม่ใช่ไม่สามารถบรรลุมรรคผลได้ ได้เหมือนกัน
แต่เสี่ยงต่อการหลงทาง และอ้อมทาง เช่น การเพ่งวัตถุ มันจะไปทางฌานสูง ๆ ขึ้นไป
ไม่ใช่ทางปัญญา (โดยตรง)
ไปค้นดูได้
ไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ใดเลยที่ตรัสรู้โดยไม่ได้พิจารณากาย
พระอรหันต์ในปัจจุบันทุกองค์เหมือนกัน ไม่มีองค์ใดเลยทีบรรลุพระอรหันต์โดยไม่ได้ผ่านการพิจารณากาย
ส่วนที่คุณอ้างว่าเพราะวิชา ๓ วิชา ๘ อะไรนั่นนะ มันเป็นผล
ไม่ใช่เหตุ มันเป็นผลของการทำกรรมฐานจะไปจากวิธีใดก็ตาม
|
ในช่วงนั้น
ผมตอบคุณหาธรรม ไปดังนี้
เรียนคุณหาธรรม
ผมตอบคุณไปหลายบันทึกแล้ว
ในบันทึกนี้ก็ยังยืนยันว่า "โง่ก็อยู่ส่วนโง่เถอะ" อยู่เงียบๆ ไม่พูดออกมา
ก็ไม่มีใครรู้ว่าคุณโง่หรอก
ตรงนี้ขอแย้งข้อความเดียว คือ ข้อความนี้
"ส่วนที่คุณอ้างว่าเพราะวิชา
๓ วิชา ๘ อะไรนั่นนะ มันเป็นผล ไม่ใช่เหตุ
มันเป็นผลของการทำกรรมฐานจะไปจากวิธีใดก็ตาม"
คุณหาธรรม คุณจะเก่งกว่าพระพุทธเจ้าหรือไง
พระพุทธเจ้าทรงสอนอย่างชัดเจนว่า
ท่านบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ เพราะ วิชชา 3 มีปรากฏอย่างชัดเจนในพระไตรปิฎก
คุณจะมาว่าอะไรเหตุ อะไรผลอีก ที่คุณยกมานั่น
มีข้อความส่วนไหนของพระไตรปิฎกสนับสนุนอยู่
ผมวิพากษ์วิจารณ์สายพอง-ยุบกับสายนาม-รูปไว้หลายบันทึก
โต้แย้งอย่างเป็นวิชาการสักบันทึกหนึ่งได้ไหม
ให้ตายเถอะ...โรบิ้น...
|
คุณหาธรรมนี่
แกหาเรื่องผมมาหลายบทความแล้ว
แกก็ใช้ชื่อเดิมอยู่เสมอ
ผมได้ตอบไปแล้ว จนกระทั่งเบื่อ ความเป็นสมองหมา ปัญญาควายของคุณหาธรรม ผมจึงตอบไปสั้นๆ
อย่างไรก็ดี จะเห็นว่า พวกคนไทยใจพม่า
ที่เป็นสาวกของพระพม่านั้น จะไม่สนใจ “วิชชาสาม”
ไม่รู้เรื่องด้วย
พวกนี้บ้าและคลั่งไคล้อย่างเดียวคือ
“สติปัฏฐาน”
1)
สติปัฏฐานเป็นวิปัสสนา ก็ไม่จริง เพราะ เป็นแค่อนุปัสนา
2)
สติปัฏฐานถ้าใครปฏิบัติแล้วจะบรรลุมรรคผล ภายใน 7 ปี 7 เดือน 7 วัน พวกแดกด่วนชาวไทย ก็ชอบใจปฏิบัติกันใหญ่
ปฏิบัติจนตายกันไป
3 รุ่นคนแล้ว ยังเห็นมีใครบรรลุ หรือใกล้ความเป็นพระอรหันต์แม้แต่คนเดียว
http://www.dantip.com/?cid=1572964
ตอบลบอันนี้มันถูกต้องตามหลักพุทธศาสนา เข้าข่ายแอบอ้างคุณวิเศษรึเปล่าครับ เขาว่าเขาสื่อสารกับสิ่งศักสิทธืได้ ลง youtube เพียบเลย เดียวผมหามาให้ดูครับ เป็นของจริง หรือของปลอมครับ รบกวนวิเคราะห์หน่อยครับ
ขอบคุณครับ